ไหนๆ ก็ได้เขียนถึงการร่ายบทกลอนของ อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ จากบทความก่อนไปแล้ว
บทกวี "ความรัก" จึงใคร่อยากนำเสนอต่ออีก
นี่การแสดงชุด
"สายน้ำหลั่งไหล น้ำตาหลั่งริน ชีวีสูญสิ้น" ณ ทุ่งมะขามหย่อง จ.พระนครศรีอยุธยา
เมื่อวันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
โดยมี อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี บรรเลงเสียงขลุ่ย ประกอบขับบทกลอนจาก อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
ที่สื่อความหมายถึงความทุกข์ยากของประชาชนที่เกิดจากการประสบอุทกภัยในหลายครั้งหลายครา
ในอดีต ทุ่งมะขามหย่องนั้นมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และเป็นสมรภูมิรบสำคัญในสมัยอยุธยา
ที่แห่งนี้คือตำนานที่กล่าวถึงการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ของวีรสตรีไทย
"สมเด็จพระศรีสุริโยทัย"
เพราะเป็นที่สู้รบในศึกกองทัพกรุงศรีอยุธยาปะทะกับกองทัพพระเจ้าแปร เมื่อปี 2091
ในวันอาทิตย์ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 4 - ดังข้อความจากพระราชพงศาวดารฉบับราชหัตเลขา ดังนี้
“สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้า ได้ขับพระคชาธารเข้าชนช้างกับกองหน้าพระเจ้าหงสาวดี
พระคชาธารเสียทีให้หลังข้าศึก พระเจ้าแปรได้ทีจึงขับพระคชาธา ตามไล่ช้างพระมหาจักรพรรดิ
พระสุริโยทัยเห็นว่าพระราชสามีไม่พ้นมือข้าศึกแน่ๆ แล้ว
ด้วยทรงพระกตัญญูภาพจึงทรงขับพระคชาธารพลายทรงสุริยกษัตริย์เข้าออกรับ
แต่พระคชาธารพระสุริโยทัยเสียทีข้าศึก พระเจ้าแปรจึงฟันด้วยพระแสงของ้าว
ถูกพระอังสกพระสุริโยทัยขาดจนถึงราวพระถันประเทศสิ้นพระชนม์บนคอช้าง ....
พระโอรสทั้ง ๒ พระองค์จึงขับพระคชาธารเข้าไปกันพระศพสมเด็จพระมารดาเข้าพระนคร”
ต่อมาพื้นที่แห่งนี้ ยังปรากฏเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ทางการสู้รบอีกเหตุการณ์หนึ่ง คือ
หลังจาก
“สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ทรงประกาศอิสรภาพได้ 2 ปี
พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงได้ให้มังมอดราชบุตรยกทัพมาตั้งที่ทุ่งมะขามหย่อง
และทัพพระเจ้าหงสาวดีตั้งค่ายหลวงบริเวณขนอนปากคู่ซึ่งอยู่ถัดจากทุ่งมะขามหย่องลงมาทางใต้
การศึกครั้งนี้ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงนำไพร่พลปล้นค่ายหลายครั้งหลายครา
โดยทรงใช้พระโอษฐ์คาบพระแสงดาบปีนเสาระเนียดเข้าไปในค่ายข้าศึก และได้รับชัยชนะทุกครั้งไป
จนพระแสงดาบนั้นได้รับการเรียกขานว่า
"พระแสงดาบคาบค่าย"
.